วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555



กว่าจะเป็นเภสัชกร





                  เภสัชกร คือผู้ที่มีวิชาชีพทางด้านสาธารณสุข (health profession) มีหน้าที่จ่ายยา ให้ผู้ป่วย และเป็นผู้ผลิตยา เภสัชกรจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถหลายสาขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นทางด้านคลินิก โรงพยาบาล และเภสัชชุมชนซึ่งจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ทางเลือกหนึ่งของวิชาชีพเภสัชกรคือการปฏิบัติงานในร้านขายยาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของร้านเอง (small business) ในงานด้านนี้เภสัชกรนอกจากจะมีความชำนาญในธุรกิจร้านค้าแล้วยังมีความรู้และข้อมูลการใช้ยาทั้งประสิทธิภาพและผลข้างเคียงของยา ตลอดจนการให้ข้อมูลความรู้ให้คำปรึกษาการใช้ยาแก่ชุมชนด้วย เภสัชกรบางครั้งเรียกว่านักเคมี เพราะในอดีตมีการให้ผู้สำเร็จการศึกษาในวิชาเคมีสาขาเภสัชกรรม  มาเป็นเภสัชกรซึ่งเรียกกันว่านักเคมีเภสัชกรรม โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ เช่น เครือข่ายร้านขายยาของบู๊ตส์เรียกเภสัชกรของบู๊ตส์ว่า "นักเคมีบูตส์"

คุณสมบัติของเภสัชกร
1.           สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขาเภสัชศาสตร์
2.           มีสุขภาพกายและจิตดี ไม่พิการ ไม่ตาบอดสี มีมนุษย์สัมพันธ์ มีความเป็นผู้นำเพราะอาจทำงานร่วมกับผู้อื่นโดยเฉพาะในงานการผลิต มีบุคลิกภาพดี
3.           รักในอาชีพ มีความรับผิดชอบสูง
4.           มีความสนใจในวิชาวิทยาศาสคร์ เคมีชีววิทยา และสอบได้คะแนนดีในวิชาเหล่านี้
5.           ชอบค้นคว้า ทดลอง ใช้ปัญญาในการวิเคราะห์
6.           ละเอียด รอบคอบ ช่างสังเกต
7.           มีความซื่อสัตย์
8.           ชอบการท่องจำ เพราะต้องจำชนิด ส่วนประกอบของยา ชื่อยาและชื่อสารเคมีในการรักษาโรค ชื่อและประโยชน์ของต้นไม้ที่มียา
ความต้องการขั้นพื้นฐานสำหรับการจดทะเบียน (registration) เป็นเภสัชกรรับอนุญาตจะต้องเป็น ผู้ที่เรียนจบจากคณะเภสัชศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งจะได้รับปริญญาดังนี้
ระยะเวลาที่ใช้ในการสำเร็จการศึกษาจะแตกต่างในแต่ละประเทศดังนี้
1.           ประเทศไทยใช้เวลา 5 ปี ได้ ภบ (BPharm) หรือเรียน 6 ปี ได้ ภบบ (PharmD)
2.           สหภาพยุโรป (European Union) รวมถึงสหราชอาณาจักร เดิมเรียน 4 ปีได้ ภบ (BPharm) ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยเรียน 4 ปี ได้ ภม (MPharm) เลย
3.           ประเทศออสเตรเลียใช้เวลา 4 ปี ได้ ภบ (BPharm) ต่ออีก 2 ปีได้ ภม (MPharm)
4.           สหรัฐอเมริกาใช้เวลา 4 ปี ได้ ภบ (BPharm) ต่ออีก 2 ปีได้ ภบบ (PharmD) มีฐานะเทียบเท่า พบ (medical doctor (MD))
อยากเรียนเภสัชฯ ต้องดู !!

หลักสูตรการเรียนเภสัชศาสตร์
หลักสูตรมาตรฐานที่ใช้เรียนในคณะเภสัชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีดังนี้
1.           เภสัชภัณฑ์   
2.           เภสัชเคมี   
3.           เภสัชวิเคราะห์   
 4.           เภสัชวิทยา
5.           พิษวิทยา      
 6.        จุลชีววิทยา   
7.           เคมี    
8.           ชีวเคมี    
9.           เภสัชพฤกษา  
15.  กฎหมายยา    
18.  ปฏิบัติการเภสัชกรรม  ประกอบด้วย ปฏิกิริยาระหว่างยา, การติดตามผลการใช้ยา  การบริหารการใช้ยา
19.  บริบาลเภสัชกรรม บูรณาการด้านการใช้ยากับผู้ป่วย และดูแลติดตามผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด




หน้าที่ของเภสัชกร
ส่วนมากเภสัชกรจะพบกับผู้ป่วยในจุดแรกด้วยการสอบถามปัญหาเกี่ยวกับสาธารณะสุขพื้นฐานโดยเฉพาะเกี่ยวกับยา การใช้ยา ผลข้างเคียงของยา ฯลฯ ดังนั้นหน้าที่ของเภสัชกรจึงคอนข้างกว้างซึ่งพอสรุปได้ดังนี้
1.           บริหารงานเกี่ยวกับการใช้ยาในทางคลินิก
2.           การเฝ้าติดตามสถานการณ์ของโรคเฉพาะ  ที่เกี่ยวกับยาและผลของยาทั้งโรคธรรมดาและซับซ้อน
3.           ทบทวนการใช้ยาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
4.           ติดตามการรักษาโรคอย่างต่อเนื่อง
5.           ติดตามดูแลสุขภาพอนามัยทั่วไปของผู้ป่วย
6.           ปรุงยา
7.           ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยทั่วไป
8.           ให้การศึกษาแก่ผู้ป่วยเป็นการเฉพาะ เกี่ยวกับสถานการณ์ของโรคและการรักษาด้วยยา
9.           ตรวจสอบเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการจ่ายยา
10.  ดูแลจัดเตรียม(provision)ยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
11.  ให้คำปรึกษาและแนะนำผู้ป่วยถึงการใช้ยาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
12.  แนะนำและรักษาโรคพื้นๆทั่วไป
13.  ส่งต่อผู้ป่วยไปยังวิชาชีพสาธารณะสุขอื่นที่ตรงกับโรคของผู้ป่วยมากกว่าถ้าจำเป็น
14.  จัดเตรียมปริมาณยา  ในผู้ป่วยตับและไตล้มเหลว
15.  ประเมินผลการเคลื่อนไหวของยาในผู้ป่วย
16.  ให้การศึกษาแก่แพทย์  เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้อง
17.  ร่วมกับวิชาชีพทางด้ายสาธารณะสุขอื่นในการสั่งยา ให้คนไข้ในบางกรณี
18.  ดูแล จัดเตรียม จัดหา และรักษาเภสัชภัณฑ์ให้อยู่สภาพพร้อมใช้งาน


สาขาวิชาชีพเภสัชกรรม
สาขาวิชาชีพเภสัชกรรมพอจำแนกได้ดังนี้:
คณะเภสัชฯ..เรียนอะไรบ้าง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น